Skip to main content

ความเป็นแม่ คือองค์ความรู้ ไม่ใช่สัญชาติญาณ

ช่วงนี้มีสมาธิและใจจดจ่อกับการลงมือทำวิทยานิพนธ์มากๆ และต้องขอบคุณน้องธง แห่งสำนักข่าวประชาไทด้วย ที่ช่วยพี่ในการถอดสาระสำคัญคำบรรยาย "แม่ในอุษาคเนย์" ของรศ.ดร.ปราณี วงษ์เทศ

"อาหาร" การปรุงอำนาจของผู้หญิง

แม่เป็นเหมือนนาฬิกาชีวิตที่คอยกระตุ้นบอกเวลาที่ร่างกายต้องกาย “อาหาร” สิ่งจำเป็นในชีวิตของเรา ที่ซับซ้อนกว่านั้น แม่เป็นเหมือนผู้ฝึกวินัยให้ลูกกินข้าวตรงมื้อ ตรงเวลา และรู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ของตน ซึ่งซึมฝังในตัวลูกอย่างไม่รู้ตัว

เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์กับการให้ความหมายคำว่า แม่

ช่วงนี้ไปไหน คนมักชอบถามว่า “ทำอะไรอยู่?” “เรียนจบหรือยัง?” ถามจนฉันเองก็รู้สึกผิดแล้ว...แต่ก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2549 นี้จะต้องสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์ให้ได้ เพื่อจะได้จบอย่างเร็ว เดือนพฤษภาคมหน้าหรือปีหน้า (อิ อิ เช็คมาแล้วว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่สองปี :P )

๕ ธันวาคม วันชาติของไทย!!!

ระหว่างที่ฉันขมักเขม่นค้นคว้าในประเด็นความมั่นคงบางประการ และยิ่งเป็นการพูดถึงความมั่นคงของชาติในบริบทที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ครองราชย์นานถึง 60 ปีนั้น ก็ใคร่รู้ขึ้นมาว่า "วันพ่อแห่งชาติ" นั้นมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันหนอ เมื่อพบข้อมูลที่ต้องการแล้ว ก็สะดุ้งโหยงเพราะกลับกลายเป็นว่า วันพ่อแห่งชาตินั้น = วันชาติของไทยด้วย..

"น.พ.หทัย ชิตานนท์" มือปราบ "บุหรี่" รุ่นคุณปู่

"ปัจจุบันคนไทยสูบบุหรี่ 19-20% เฉลี่ยคนละ 800-900 มวนต่อปี เพราะฉะนั้น สงครามนี้ไม่มีวันจบ ผมตายไปแล้ว เกิดมาใหม่ก็ต้องมาสู้กับบุหรี่อีก แต่ไม่ได้คาดหวังถึงขนาดให้คนไทยสูบบุหรี่เหลือ 0% มันเป็นไปไม่ได้เป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ขอเพียงให้จำนวนคนไทยที่สูบบุหรี่ลดลงเหลือต่ำกว่า 15% และมีปริมาณการสูบ 500 มวนต่อคนต่อปี ก็ถือว่าประสบความสำเร็จและควรภูมิใจแล้ว"

ทำผู้ใหญ่หัวเสีย-เรื่องถนัด

วันนี้ (20 กรกฎาคม 2549) มีโอกาสได้นั่งคุยกับดร.สายฤดี วรกิจโภคาทร หัวหน้าทีมประเมินผลภายในและน้องๆ ในทีม และยังได้เจออ.แหวว (รศ.ดร.

นิวยอร์ค ไทม์ ลดขนาดหนังสือพิมพ์

 

เอพีรายงานจากนิวยอร์คว่า หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทมส์ หนึ่งในสื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำของสหรัฐออกข่าวว่าตัวเองมีแผนลดตำแหน่งงาน 250 ตำแหน่ง พร้อมทั้งลดขนาดหน้ากว้างหนังสือพิมพ์ออก 1.5 นิ้ว ( 3.8 ซม. ) ในปี 2008 หรือ 2551

 

ต้องการพยาบาลพิเศษ!!

 

เราเพิ่งเข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องร้อนรนกลับจาก จ.ตรัง ก่อนเพื่อนฝูง (แม้ความร้อนรนจะทำให้เรายิ่งเดินทางช้ากว่าคนอื่นก็ตาม..) คือมันเหมือนกับมี sence บางอย่างว่าอยู่ไม่ได้แล้ว และก็เป็นไปตาม sence จริงๆ ได้นั่งพักเหนื่อยไม่นาน อาก็โทรศัพท์มาบอกว่า ย่าผิดปกติไปกว่าทุกวัน ตอนนี้หมดสติไปแล้ว ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะส่งโรงพยาบาลไหนดี

 

"เอาหล่ะซิ" ดูเหมือนว่า คนรอบข้างเจ็บไข้ เราจะกลายเป็น call center ประจำตระกูล ที่ต้องคอยตัดสินใจและอุ้มส่งโรงพยาบาลทุกที...