Skip to main content
ธนก บังผล
ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

 ย่างเข้าสู่เดือนที่ 9 ในการดำเนินงานของ "ศูนย์ข่าวอิศรา" ในนามสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่มาปักหลักลงพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนับถึงวันนี้ได้ผลิตผลงานมาแล้วเกือบ 800 ข่าว

ผ่านเหตุการณ์ความรุนแรงมาหลายครั้ง นำเสนอข่าวผู้สูญเสีย และสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่าง รวมไปถึงนำเสนอผลงานทางวิชาการมากมายหลายชิ้น

สายๆวันหนึ่ง ศูนย์ข่าวอิศรา ได้มีโอกาสต้อนรับ "เทพชัย หย่อง" บรรณาธิการเครือเนชั่น ซึ่งแวะเข้ามาเยี่ยมเยียน พร้อมด้วย "ก่อเขต จันทรเลิศลักษณ์" เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและปัญหาการทำงานของสื่อมวลชนในสถานการณ์ความรุนแรง

โดยเฉพาะ "เทพชัย หย่อง" ผู้ที่คลุกคลีอยู่กับวงการข่าวมาหลายสิบปี ได้ทิ้งข้อคิดผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษไว้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

"เทพชัย"เริ่มบทสนทนาด้วยการกล่าวชื่นชมการทำงานที่ผ่านมาของศูนย์ข่าวอิศราว่าเป็นองค์กรข่าวทางเลือกที่ดีในวงการข่าว เนื่องจากเนื้อหาสาระของข่าวมีประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจในปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และสื่อมวลชน

"ความท้าทายต่อไปคือการจะทำอย่างไรให้ศูนย์ข่าวอิศราเป็นเว็บไซต์ที่ไม่ใช่เฉพาะนักวิชาการเท่านั้นที่เข้าเปิดอ่าน ต้องเข้าถึงชาวบ้านทั่วๆไป ไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิชาการ หรือเพียงสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจ เนื้อหาที่คุยกันเป็นชาวบ้านมากขึ้นแหล่งข่าวชาวบ้าน มีเรื่องชาวบ้าน ทำอย่างไรให้ชาวบ้านตื่นเช้าขึ้นมาแล้วนึกถึงศูนย์ข่าวอิศราเป็นอันดับแรก"

ด้านความแตกต่างระหว่างศูนย์ข่าวอิศรากับสื่อรายวัน บรรณาธิการเครือเนชั่น กล่าวว่า ศูนย์ข่าวอิศรามีความแตกต่างอย่างชัดเจน

"ในวงการสื่อเท่าที่ได้คุยก็มีความเห็นตรงกันว่าศูนย์ข่าวอิศรา ตามประเด็นข่าวที่ฉีกกว่าการนำเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์รายวันทั่วๆไป จะเห็นได้ว่าแรกๆนั้นรายงานพิเศษของศูนย์ข่าวอิศรา สื่อต่างๆให้ความสนใจเป็นอย่างมาก มีการนำเสนอสถานการณ์ข่าวที่ไม่จำเป็นต้องเน้นการฆ่า หรือนำเสนอความรุนแรง แต่เป็นการนำเสนอมุมมองสังคม วัฒนธรรม จุดแข็งตรงนี้ของศูนย์ข่าวอิศราต้องรักษาไว้"

ไม่เพียงเท่านี้ "เทพชัย" ยังวิเคราะห์บรรยากาศการทำงานข่าวในภาพรวมให้ฟังอีกว่า เนื่องจากปัจจุบันมีการแข่งขันทางข่าวสารสูง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ เป็นฐานข้อมูลที่สามารถพึ่งพาได้ การไม่เกาะติดกระแสรายวันของศูนย์ข่าวอิศราทำให้มีเวลาที่จะกลั่นกรองงานข่าวให้ออกมาให้ดีที่สุดได้ พร้อมทั้งให้คำแนะนำว่า เว็บไซต์ที่จะทำให้มีคนติดตามข่าวต่อเนื่อง ต้องคึกคักตลอดเวลา

ด้านการนำไปใช้ในหนังสือพิมพ์รายวันจากส่วนกลาง บรรณาธิการเครือเนชั่นย้ำว่า เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่หนังสือพิมพ์รายวันควรนำข่าวหรือรายงานไปลงเพื่อสะท้อนปัญหาชายแดนภาคใต้ในมุมมองที่แตกต่างให้เกิดความเข้าใจอย่างกว้างขวาง

"ต้องขยายเป้าหมายให้คนสนใจมากขึ้น แม้ว่าอาจจะมีอุปสรรคเรื่องกำลังคน ผมมองว่าควรมีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย ครอบคลุมทุกหน่วยงาน ทั้งการศึกษา การปกครอง วัฒนธรรม คือสามารถจับได้รอบด้าน ต้องให้คนตื่นตัวว่าวันนี้อิศรามีเรื่องอะไร ไม่อยากให้คนทั่วไปสนใจศูนย์ข่าวอิศราเมื่อเกิดเหตุตูมตาม อิศราต้องมีข้อมูลข้อคิดที่ทันสมัยรอบด้านอยู่ตลอด เพราะถ้าหากเกิดเหตุตูมตามแล้วเข้ามาดูอิศรา ผมว่าตรงนี้ผิดวัตถุประสงค์"

สำหรับการขยายพื้นที่ทางการข่าวให้หลากหลายมากขึ้นเป็นมัลติมีเดีย เพื่อนำไปเผยแพร่ทั้งวิทยุและโทรทัศน์ เทพชัย บอกว่า ต้องดูว่าองค์กรข่าวต่างๆพร้อมแค่ไหน ทั้งเรื่องงบประมาณ ทรัพยากรบุคคล หรือเป้าหมาย

"ผมอยากเห็นอิศราเป็นศูนย์กลางที่ให้องค์กรสื่อเข้ามาร่วมมือ อยากเห็นส่วนกลางจริงจังกับเรื่องนี้ เพราะต้องยอมรับว่าสื่อโทรทัศน์กว้างไกลมากกว่า เคเบิ้ลหรือโทรทัศน์เข้าถึงรากหญ้าได้เร็วกว่า มีข่าวสะท้อนท้องถิ่นเจาะลึกใกล้ตัวมากกว่ารายวัน"

นอกจากตัวของศูนย์ข่าวอิศราแล้ว "เทพชัย" สะท้อนความหวังลึกๆที่ฝากไว้ให้กับนักข่าวที่ได้ลงมาสัมผัสการทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

"บุคลากรข่าวที่มาในพื้นที่จากส่วนกลางหรือที่หมุนเวียนกันมา ศูนย์ข่าวอิศราต้องช่วยกันทำให้บุคคลเหล่านี้ได้เรียนรู้สถานการณ์ มีระบบให้คนเหล่านี้เชี่ยวชาญ รู้ลึก แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นมานาน แต่สื่อขาดความรอบรู้รอบด้าน บุคลากรข่าวยังขาดแคลนมาก"

"ในอดีตสื่อสนใจแต่เมื่อมีการฆ่ากันเกิดขึ้น มองแต่เรื่องความมั่นคงว่าวันนี้ตายเท่าไร แต่ไม่มีมุมมองด้านสังคม พื้นที่ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ศูนย์ข่าวอิศราทำให้เป็นช่องทางที่นักข่าวใหม่เข้ามาเรียนรู้ในภาคใต้ทุกด้าน ไม่ใช่ความรุนแรงหรือความมั่นคง สื่อต้องมีบุคลากรที่เข้าใจให้สังคมกระจ่าง ไม่ใช่ลงมาแล้วเปล่าประโยชน์พอครบ 3 เดือนก็กลับแล้วไม่เชี่ยวชาญอะไรเลย ตรงนี้ต้องให้ความสำคัญมากๆ เพราะศูนย์ข่าวอิศรากำลังสร้างนักข่าวใหม่ ต้องวางกรอบดีๆ บริหาร จะสร้างนักข่าวที่รู้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีในอีกไม่นาน"


ที่มา: สถาบันข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย