คำถามต่อไปนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นในการตรวจสอบ “คณะปฏิรูปฯ-ผู้มีอำนาจชุดใหม่” ที่เราคนเล็กๆ อาจจะทำได้ คือ ใครได้ประโยชน์จากการรัฐประหารครั้งนี้ และหลังรัฐประหารประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป
อีกประการหนึ่ง เราไม่เข้าใจเจตนาของประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ฉบับที่ 5 เรื่อง การให้นิสิต นักศึกษา มีส่วนร่วมทางการเมือง แน่นอน เป้าหมายทางการเมืองของประกาศฉบับนี้เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลต่างๆ ซึ่งหมายรวมถึงขบวนการนึกศึกษาด้วย แต่การ “จัดการ” และการควบคุมบทบาทของนักศึกษาเพียงแค่ “ขอให้ส่งความเห็นไปที่ สำนักงานเลขานุการกองทัพบก ถ.ราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
“...คณะปฏิรูปฯ เห็นความสำคัญของนิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่อชาติบ้านเมือง ซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์ และเห็นควรที่จะให้นิสิต นักศึกษา ได้มีส่วนร่วมในทางการเมืองในวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” แถมยังบอกอย่างตรงไปตรงมาอีกว่า นักศึกษามีหน้าที่เพียง “ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ปราศจากการซื้อเสียงและอิทธิพลใดๆ”
ซ้ำร้ายกว่านั้นคณะปฏิรูปฯ ยังมีประกาศฉบับที่
7 ตามมาอีก เรื่องการชุมนุมทางการเมือง “เพื่อมิให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ในระหว่างการประกาศกฎอัยการศึก จึงห้ามมิให้มั่วสุม ประชุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป หากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”จึงเป็นข้อท้าทายต่อขบวนการนักศึกษา (รวมถึงขบวนการภาคประชาชนอื่นๆ ด้วย)ในยุคนี้อย่างยิ่งว่า จะต่อรอง/ต่อสู้ทางการเมืองในสถานการณ์นี้อย่างไร เมื่อผู้มีอำนาจจำกัดและให้บทบาทนักศึกษาคับแคบเพียงแต่การหน่อยบัตรเลือกตั้งเท่านั้น
เรายังคาดหวังว่าจะเห็นการเคลื่อนไหวทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารครั้งนี้ จากจุดยืนของนักศึกษา ว่าคนรุ่นใหม่กำลังเรียนรู้อะไร
เบื้องต้น เราเห็นแล้วจาก นาย
จากนักศึกษากลุ่มอื่นๆ ก็ยังเห็นเพียงแค่เป็นแถลงการณ์ออกมา
เตือนอย่างเดียวเท่านั้น อย่าไว้ใจนาย
…………………………………………
อ่าน
ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 5 เรื่อง การให้นิสิต นักศึกษา มีส่วนร่วมทางการเมือง
เนื่องด้วยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้เห็นความสำคัญของนิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่อชาติบ้านเมือง ซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์ ดังนั้น คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เห็นควรที่จะให้นิสิต นักศึกษา ได้มีส่วนร่วมในทางการเมืองในวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ปราศจากการซื้อเสียงและอิทธิพลใดๆ
และหากนิสิต นักศึกษาท่านใด มีแนวความคิดในการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นแล้ว ขอให้ส่งความเห็นไปที่ สำนักงานเลขานุการกองทัพบก ถ.ราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
ประกาศ ณ วันที่ 20 กันยายน 2549
ลงชื่อ พล.อ.
หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 7 เรื่องการห้ามชุมนุมทางการเมือง
ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 7 เรื่อง การห้ามชุมนุมทางการเมือง ตามที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เวลา 21.05 น. เป็นต้นไปแล้วนั้น
เพื่อมิให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ในระหว่างการประกาศกฎอัยการศึก จึงห้ามมิให้มั่วสุม ประชุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป หากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประกาศ ณ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549
ลงชื่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข